ที่พักคืนแรกของคณะเราในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน

เดินทางเข้าพักในโรงแรม 4 ดาว ใกล้ๆ สนามบินคุนหมิง

รถบัสนำเที่ยวที่มารับพวกเราที่สนามบินคุนหมิง ใช้เวลาไม่นาน คิดว่าน่าจะไม่ถึง 15 นาที ก็พาพวกเราเดินทางถึงโรงแรม FEIXING HOTEL ถึงแม้ว่าเราจะมาในช่วงปลายฤดูหนาวในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ แต่อากาศก็ค่อนข้างเย็นมาก ลงจากรถปุ๊บก็หนาวปั๊บ สังเกตุเห็นป้ายไฟต้อนรับบนประตูใหญ่ทางเข้าของโรงแรม บอกได้เลยว่าโรงแรมแห่งนี้มีคณะทัวร์คนไทยที่ไปเที่ยวเมืองคุนหมิงนิยมไปใช้บริการกันมาก เห็นป้ายต้อนรับภาษาไทยดีใจจนเผลอลืมไปคิดว่ายังอยู่ในประเทศไทยซะแล้ว

เริ่มต้นเข้าสู่โปรแกรมท่องเที่ยวผจญภัยไปสัมผัสภูเขาหิมะเจียวจื่อในประเทศจีน

เมื่อถึงโรงแรมที่พัก ไกด์แก้วซึ่งได้ประสานงานกับทางโรงแรมล่วงหน้าไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงใช้เวลาเช็คอินไม่ถึง 5 นาที ทุกคนก็ได้รับคีย์การ์ดเข้าไปในห้องนอนอุ่นๆ ของตัวเอง ซึ่งห้องพักของโรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างกว้างและสะดวกสบายมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกจัดไว้ให้ชนิดคิดว่าเกินจำเป็นเลยทีเดียว

คืนนี้ ไกด์แก้วได้กระซิบดังๆ ตั้งแต่บนรถมาแล้วว่า  อากาศค่อนข้างเย็น คนไทยที่เพิ่งเดินทางมาถึงอาจจะยังปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ได้ ดังนั้นแค่ล้างหน้าล้างตัวไม่ต้องอาบน้ำก่อนนอนก็ได้ เพราะอาจจะไม่สบายเอาได้  ส่วนใครจะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็แล้วแต่ ไกด์ไม่ได้บังคับ เพียงเตือนมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมนัดเวลาตามภาษาทัวร์ด้วยตัวเลข 5 – 6 – 7  คือตื่นตี 5 กินข้าว 6 โมง  แล้วออกเดินทางล้อหมุนตอน 7 นาฬิกาตรง เพื่อเข้าสู่โปรแกรมเที่ยวผจญภัยไปสัมผัสภูเขาหิมะเจียวจื่อ แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังอย่างรวดเร็วของมณฑลยูนนาน 

การปรับเวลานาฬิกา เพื่อเที่ยวในประเทศจีน

ก่อนจะเช้าวันใหม่ เพื่อเข้าสู่กิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวจริงจัง ไกด์ได้เตือนทุกคนให้ปรับเวลาในนาฬิกาใหม่เสียก่อน เนื่องจากต่อไปนี้จนกระทั่งส่งทุกคนกลับเมืองไทย เวลาที่ใช้ในการนัดแนะทั้งหมดจะใช้เวลาท้องถิ่นของจีน ซึ่งไวกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง สำหรับคนที่ใช้วิธีการดูเวลาจากมือถือหรือสมาร์ทวอทซ์จะง่ายหน่อย พอเชื่อมอินเตอร์เน็ตในจีนได้ เวลาก็จะปรับเองโดยอัตโนมัติ ส่วนใครที่ใช้นาฬิกาแบบอนาล็อคหรือนาฬิกาเข็มที่ต้องใช้ระบบเมนวลเปลี่ยนเวลาเอง ก็ควรตั้งเวลาใหม่ให้เรียบร้อยเสียก่อน ไม่อย่างนั้นอาจเผลอใช้เวลาผิดโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะส่งผลทำให้ตัวเองเลทไป 1 ชั่วโมง

โดยส่วนตัวผมเดินทางบ่อย เลยใช้สมาร์ทวอทซ์และโทรศัพท์มือถือก็ใช้ระบบแสดงเวลา 2 เมือง คือเวลาที่บ้านในไทยและเวลาท้องถิ่นในพื้นที่ที่อยู่ปัจจุบัน พอรับสัญญาณเน็ตท้องถิ่นปั๊บเวลาก็ปรับเป็นเวลาท้องถิ่นปัจจุบันปุ๊บ ง่ายและสะดวกดี และไม่ลืมที่จะตั้งปลุกเตือนให้ตื่นก่อนตี 5 นิดหนึ่ง 

สัญญาณมอร์นิ่งคอลล์ ถึงเวลาเริ่มต้นเช้าวันใหม่

เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง ประมาณตี 5 ของเวลาท้องถิ่นในเมืองคุนหมิง สัญญาณโทรศัพท์มอร์นิ่งคอลของโรงแรมก็โทรปลุกพวกเราทุกห้อง ความจริงผมตั้งปลุกล่วงหน้าไว้ก่อนแล้วร่วม 15 นาที เพราะเมื่อคืนมีทัวร์ไทยเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้มากกว่า 10 กรุ๊ป นับยอดคร่าวๆ ก็มากกว่า 300 คนแล้ว หากตื่นตามเวลา มีหวังในห้องอาหารคนเยอะแน่ เพราะตารางเวลาของทุกคณะจะคล้ายๆ กัน เพียงแค่สลับสถานที่สลับโปรแกรมกันบ้างเท่านั้นเอง

อาหารเช้าสไตล์ท้องถิ่นในเมืองคุนหมิง อร่อยน่ากินหลายอย่าง

กรุ๊ปทัวร์กลุ่มเรานัดทานอาหารเช้าเวลา 06.00 น. แต่พวกผมแอบย่องมาก่อนตั้งแต่ 05.45 น. ก็เริ่มเห็นว่ามีคนเข้ามานั่งกินอาหารเยอะพอสมควรแล้ว อาหารเช้าของโรงแรมแห่งนี้ถือว่าจัดให้ค่อนข้างดีทีเดียว มีทั้งอาหารท้องถิ่นและอาหารมาตรฐานสำหรับโรงแรมหรูหน่อย อาหารของคุนหมิงเป็นอาหารจีนที่มีรสชาติกลางๆ ไปทางจืดมันเค็มสำหรับคนไทย แต่สำหรับอาหารจีนมื้อแรกของพวกเราที่ยังไม่ได้เจออาหารออริจินัลกันมาก่อน เลยกินได้ชิวๆ และรู้สึกอร่อยด้วย มีอาหารให้เลือกกินเยอะมาก มีพ่อครัวและบริกรเคยเติมอาหารร้อนๆ ใหม่ๆ เพิ่มให้ตลอดเวลาสามารถเลือกกินได้ตามอัทธยาศัย ใครจะกินมากกินน้อยก็ตามความต้องการได้เลย 

อาหารเช้าสไตล์ท้องถิ่นที่อยากแนะนำ อร่อยถูกปากมาก

ปกติโรงแรมที่พักที่ทัวร์ของเราจัดให้ในต่างประเทศ มักจะเลือกโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป โดยเน้นความสำคัญหลัก 2 เรื่องคือ ต้องนอนสบายและอาหารเช้าอร่อย แต่ถ้าอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหรือช็อปปิ้งกลางคืนได้ด้วยยิ่งดี  แต่มันก็ไม่สามารถเลือกแบบนี้ได้ทุกครั้งด้วยเงื่อนไขวันเวลาในการจอง เพราะโรงแรมชั้นยอดมักโดนทัวร์ชั้นเยี่ยมจองแต่เนิ่นๆ จนเต็มก่อน บางครั้งลูกทัวร์กรุ๊ปที่ตัดสินใจแถมยืนยันการจองช้าทุกอย่างก็อาจเปลี่ยนไป และต้องยอมรับว่าแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็อาจมีคุณภาพของที่พักแตกต่างกัน  แต่ถ้าเป็นไปได้เราจะเลือกที่พักที่ดีที่สุดตามคุณภาพที่ลูกค้าอยากจ่ายให้ก่อนเสมอ 

อาหารเช้าในโรงแรมวันนี้ก็เช่นกัน มีให้เลือกกินเยอะมาก ที่ถ่ายรูปมาได้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้นเอง เพราะคนในห้องอาหารเริ่มเยอะ ต้องพยายามถ่ายภาพให้ไม่ติดบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็น จึงหามุมถ่ายภาพสงบๆ มาให้ชมได้ค่อนข้างยาก

ผมค่อนข้างถูกปากเมนูที่คนไทยชอบเรียกว่าติ่มซำ แต่ที่จีนจะมีให้เลือกไม่กี่อย่างแต่ไม่อยากให้พลาดหมั่นโถวร้อนๆ กินไปกินมารู้สึกว่ามันอร่อยกว่าซาลาเปาที่มีไส้เสียอีก กับอีก 3 เมนูหมูสไตล์ท้องถิ่นยูนนาน ที่ชอบจนต้องแวะไปทักทายเป็นพิเศษคือหมูต้มคล้ายๆ พะโล้ กินแล้วเนื้อนุ่มแทบละลายในปาก รสชาติมีกลิ่นคล้ายยาจีนเบาๆ ที่บอกไม่ถูกว่าคือกลิ่นอะไร แต่ไม่ใช่ผงพะโล้แบบบ้านเราแน่ๆ,  เมนูยำหมูใส่ผงหม่าล่าก็อร่อย , ยำเบค่อนก็น่ากิน ยิ่งได้ทานคู่กับหมั่นโถร้อนๆ เครื่องดื่มอุ่นๆ ที่รินตั้งไว้แป๊บเดียวก็เย็นซะแล้ว คงเพราะอากาศค่อนข้างหนาว พวกเรากินกันค่อนข้างอิ่มเพราะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่า วันนี้จะต้องไปผจญภัยท่ามกลางหิมะก็ขอตุนแคลอรี่ให้ร่างกายอบอุ่นไว้ก่อนดีกว่า 555

อร่อยปาก สบายท้อง พร้อมแล้วที่จะเดินทางสู่แผ่นดิน 7 สี ตงชวน

ด้วยความที่อากาศภายนอกโรงแรมค่อนข้างเย็น เดินออกจากโรงแรมปุ๊บก็เจอสายลมหนาวพัดเบาๆ พร้อมอุณหภูมิที่วัดจากนาฬิกาสารพัดประโยชน์บนข้อมือที่บอกว่าอุณหภูมิ 6 องศาเซลเซียส พวกเราเลยกลับเข้าไปนั่งรอสมาชิกที่ยังทานไม่เสร็จที่บริเวณหน้าฟอนต์ในโรงแรมดีกว่า คณะเราส่วนใหญ่อยู่ในวัยผู้ใหญเต็มตัวกันอยู่แล้วทุกคนตรงเวลากันมาก คณะเราจึงพร้อมเดินทางตั้งแต่ 6.45 น. แบบนี้รับรองว่าเที่ยวสนุกเพราะไม่มีใครเป็นภาระให้ต้องคอย พร้อมแล้วก็ขึ้นรถนำเที่ยวคันเดิมที่จะพาเราเที่ยวตลอด 4 วันนี้ในคุนหมิง โชว์เฟอร์ใจดีที่ยิ้มอย่างเดียวเพราะผมคุยภาษาไทยแล้วพี่เขาไม่เข้าใจ พอพี่เขาคุยภาษาจีนผมก็ฟังไม่ออก แต่ภาษาพูดม่ใช่อุปสรรคเพราะเราใช้ภาษาเทคนิคด้วยเครื่องมือช่วยทรายสเลท แบบนี้ไปได้ถึงไหนถึงกันรับรองว่าน่าจะคุยเรื่องเดียวกันแน่ๆ   เดินทางสู่แผ่นดินตงชวน อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่คนต่างถิ่นชอบไปเช็คอิน โดยเฉพาะสายถ่ายรูปแลนด์สเคปสวยๆ ต้องห้ามพลาด แผ่นดินตงชวนจะสวยชวนฝันขนาดไหน ไปตามอ่านต่อตอนหน้านะครับ